ขนมเปี๊ยะสายรุ้ง ไส้ทะลักแน่นเอี๊ยดเปลือกสายรุ้ง
ขนมเปี๊ยะสายรุ้ง (Rainbow Bean Cake with Salted Egg) วันนี้แอดรินจะนำเสนอเมนูของว่าง นั้นก็คือขนมเปี๊ยะสายรุ้ง รสชาติหวานมันแบบเต็มปากเต็มคำ อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย
ขนมเปี๊ยะเป็นขนมมงคลที่นิยมมอบให้แก่กันเป็นของขวัญหรือของฝากในวาระต่าง ๆ และงานมงคลต่างๆ เอาล่ะค่ะ เกริ่นมาเริ่มหิวแล้ว ไปทำกันค่ะ มาทำขนมเปี๊ยะสายรุ้งกัน เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้ มาค่ะ ดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูขนมเปี๊ยะสายรุ้งกันเลยค่ะ
สูตรขนมเปี๊ยะสายรุ้ง |
ส่วนผสมตัวไส้ |
|
|
ถั่วเขียวเราะเปลือก |
125 |
กรัม |
น้ำตาลทราย |
100 |
กรัม |
เกลือ |
1/8 |
ช้อนชา |
นมสด |
125 |
มิลลิลิตร |
ไข่แดงเค็ม |
6 |
ฟอง |
ส่วนผสมแป้งสีขาว |
|
|
แป้งสาลีอเนกประสงค์ |
160 |
กรัม |
น้ำสะอาด |
60 |
มิลลิลิตร |
น้ำตาลทรายป่น |
24 |
กรัม |
เนยละลาย |
60 |
กรัม |
ส่วนผสมแป้งสายรุ้ง |
|
|
แป้งสาลีอเนกประสงค์ |
120 |
กรัม |
เนยขาว |
55 |
กรัม |
สีผสมอาหาร(เลือกสีและจำนวนตามชอบ) |
|
|
วิธีทำขนมเปี๊ยะสายรุ้ง |
– วิธีทำไส้ถั่วกวน |
ถั่วเขียวเราะเปลือก 125 กรัม ล้างถั่วหลายๆรอบจนน้ำที่ล้างถั่วใส ไม่มีสี |
เมื่อน้ำล้างถั่วใส เทน้ำล้างถั่วทิ้ง เทถั่วใส่หม้อ |
ใส่น้ำ ต้มด้วยไฟกลางค่อนอ่อน จนถั่วสุกนิ่ม คนถั่วเป็นระยะ ถ้ามีฟองก็ให้ช้อนทิ้ง |
ถ้าน้ำแห้งแต่ถั่วยังไม่สุกนิ่ม สามารถเติมน้ำเพิ่มได้นิดหน่อย ลองบี้ถั่วดู ถั่วต้องสุกนิ่มบี้ได้ |
เทลงเครื่องปั่น รอถั่วให้อุ่นหรือเย็นก่อนก็ได้ หลังจากนั้นเติมน้ำตาลทราย เกลือ และนม ปั่นจนเนียนเข้ากัน |
เทลงกระทะกวนไฟกลางค่อนอ่อน จนถั่วแห้ง จับตัวเป็นก้อน ปั้นได้ ใช้เวลากวนถั่วราว 30 – 40 นาที |
– วิธีทำไข่เค็ม |
ไข่แดงเค็ม 6 ฟอง อบไฟ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน ล่างอบราวๆ 10 นาที |
ถ้าไม่มีเตาอบสามารถนึ่งได้ โดยต้มน้ำให้เดือด นำไข่แดงเค็มวางลงไปนึ่งด้วยไฟแรง 10 นาที พักจนหายร้อน ผ่าครึ่ง |
– วิธีปั้นไส้ |
ถั่วกวน 32 กรัมต่อก้อน แผ่ถั่วออกวางไข่แดงเค็มครึ่งฟองลงไป |
ห่อให้มิดจากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ได้ไส้ขนม 12 ชิ้นใส่กล่องปิดฝา พักไว้ก่อน |
– วิธีทำแป้งสีขาว |
ใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย เข้ากันคนให้น้ำตาลทรายกระจายตัว |
ใส่เนยขาวลงไป ใช้มือผสมให้เข้ากัน เติมน้ำค่อยๆทยอยใส่จากนั้นนวด |
ถ้าแป้งแห้งไปเพิ่มน้ำได้ทีละน้อย แป้งที่ได้จะไม่ติดอ่างผสม ไม่ติดมือ พักแป้งไว้ 2 ชั่วโมงโดยไม่ต้องแช่เย็น |
สามารถเตรียมแป้งไว้ล่วงหน้าแล้วใส่กล่องปิดให้มิดชิด แล้วแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาเก็บไว้ได้ เวลาจะใช้งานให้เอาแป้งออกมาตั้งไว้นอกตู้เย็นจนหายเย็นก่อนใช้ |
– วิธีทำทำแป้งสี |
แป้งสาลีอเนกประสงค์ เนยขาว นวดจนเข้ากันดีเป็นก้อน |
แบ่งแป้งเป็น 4 ก้อนใส่สีผสมอาหารตามชอบ นวดสีกับแป้งให้เข้ากัน |
นำแป้งแต่ละสีมาแบ่งเป็น 6 ก้อน สีเหลือง สีเขียวแอปเปิ้ล สีฟ้า และสีชมพู |
เมื่อพักแป้งครบ 2 ชั่วโมง แป้งจะนุ่มขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น แบ่งแป้งออกเป็น 6 ก้อน |
รวบแล้วคลึงให้กลม ในระหว่างทำงานแป้งก้อนไหนยังไม่ใช้ให้หาอะไรคลุมไว้ด้วยนะคะ |
– วิธีคลึงแป้งขนมเปี๊ยะ |
กดแป้งเล็กน้อย รีดให้บางลงวางแป้งสีลงไป โดยเรียงลำดับสีได้ตามชอบ ห่อแป้งสีด้วยแป้งขาวให้มิดชิด |
พักแป้ง 30 นาที อย่าลืมหาอะไรคลุมไว้ด้วย |
กดแป้งนิดหน่อย รีดให้บาง ยิ่งรีดบาง ชั้นของขนมจะยิ่งเยอะ ยิ่งบาง ม้วนให้แน่น |
รีดแป้งตามแนวยาว รีดจนบาง ยิ่งรีดได้บาง ชั้นของขนมหลังอบจะยิ่งสวย |
แป้งสีขาวอาจขาดบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องตกใจ ยังใช้ได้ ม้วนแป้งให้แน่น อยากให้สีไหนอยู่ตรงกลางขนมให้เริ่มม้วนจากสีนั้น |
ตัดแบ่ง1/2 หงายแป้งด้านที่ไม่มีรอยตัดขึ้นกดแป้งนิดหน่อย พลิกเอาด้านที่มีรอยตัดลง |
รีดแป้งให้กว้างพอที่จะห่อไส้ได้ พยายามรีดให้สมมาตรกัน |
วางไส้ลงไปตรงกลาง ค่อยๆห่อไส้ให้มิด เน้นคลึงแป้งส่วนปลายให้คลุมไส้ ใช้ฝ่ามือช่วยคลึงเพื่อจัดรูปร่าง |
– การอบด้วยเตาอบ |
นำขนมเข้าอบในเตาอบที่วอร์มเรียบร้อยแล้ว อบขนมด้วยไฟบน ล่าง 170 องศาเซลเซียส 20 – 25 นาทีหรือจนสุก |
เตาแต่ละตัวอาจใช้ระยะเวลาในการอบต่างกัน การอบด้วยหม้ออบลมร้อน วอร์มหม้ออบลมร้อนก่อนใช้ |
นำขนมเข้าอบไฟ 150 องศาเซลเซียส 20 – 25 นาทีหรือจนขนมสุก |
– การอบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน |
วอร์มหม้อทอดตามคู่มือ นำขนมเข้าอบไฟ 150 องศาเซลเซียส 20 – 25 นาทีหรือจนสุก ทานให้อร่อยนะคะ |
เคล็ดลับรสรินทร์
- ตัวช่วยที่ทำให้แป้งขนมเปี๊ยะมีความนุ่มเหนียวและแตกชั้นได้มาก คือ วิปปั้นแป้ง ซึ่งเป็นวิปครีมชนิดผง ทำหน้าที่คล้ายอิมัลซิไฟเออร์ ให้โมเลกุลของแป้งดูดซับน้ำเอาไว้และมีไขมันเคลือบโมเลกุลแป้งไว้อีกที ทำให้แป้งชั้นนอกมีคุณสมบัติอุ้มน้ำดีขึ้น เมื่อนำมาหุ้มแป้งชั้นในซึ่งในสูตรนี้เราใส่เนยขาวและน้ำมันพืช ไขมันทั้ง 2 แบบ จะช่วยแยกโมเลกุลของแป้งชั้นในออกจากแป้งชั้นนอก แป้งเปลือกขนมเปี๊ยะสูตรนี้ จึงบางและแยกชั้นได้ง่ายเมื่อนำมาคลึงตามกรรมวิธี
ขอขอบคุณข้อมูล – คุณ ป้าหนึ่ง ตึ่งโป๊ะ จาก Youtube
วัตถุดิบขนมเปี๊ยะสายรุ้ง |
ถั่วเขียวเราะเปลือก |
ถั่วเขียว ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยผลิตโปรตีน และการหดตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนักได้ เพราะถั่วเขียวมีส่วนประกอบของไขมันที่ต่ำมาก ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนกับเส้นใยอาหาร |
น้ำตาลทราย |
น้ำตาลทราย ทำจากอ้อย มีรสหวานแหลม มีทั้งเม็ดละเอียด และเม็ดหยาบ นิยมใช้น้ำตาลทรายขาว เพื่อให้อาหารมีสีสวย ใสไม่ขุ่นมัว โดยสามารถนำมาทำน้ำเชื่อมและใช้ประกอบอาหารได้เช่นกัน |
แป้งสาลีอเนกประสงค์ |
แป้งสาลีอเนกประสงค์ เป็นแป้งสามัญประจำครัวที่มีติดทุกบ้าน ทำจากข้าวสาลี มีโปรตีนปานกลาง 10 ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ แป้งอเนกประสงค์เหมาะสำหรับขนมอบทุกประเภท เช่น ขนมปัง บิสกิต พิซซ่า คุกกี้ มัฟฟิน ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ในซอสเกรวี่ และเป็นตัวทำให้ซอสข้น |
ประวัติขนมเปี๊ยะสายรุ้ง
ขนมเปี๊ยะ (餅 bǐng)เป็นขนมที่มักใช้ประกอบในเทศกาลต่างๆของชาวจีน ซึ่งความหมายของขนมเปี๊ยะและขนมบางอย่างนั้นเป็นตำนานการกู้ชาติ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ของจีน ที่ชาวจีนผู้กล้าหาญได้จัดตั้งขบวนการใต้ดินเพื่อกู้ชาติจากมองโกล ซึ่งในสมัยนั้นในวันเพ็ญเดือนแปดชาวจีนมีประเพณีสักการะเจ้าแม่กวนอิม โดยทำขนมเปี๊ยะแลกกันในหมู่ญาติ ขบวนการใต้ดินจึงใช้ขนมเปี๊ยะสอดไส้ใส่จดหมายนัดแนะให้พร้อมใจกันต่อสู้ เป็นต้น อาหารที่ใช้ในงานมงคลของจีนนั้นมักจะถูกเลือกอย่างพิถีพิถัน เพื่อความเป็นมงคลของงาน ส่วนใหญ่จะเลือกจากชื่อและลักษณะของอาหาร ประเพณีการเลือกรับประทานขนมนี้เกิดจากความเชื่อที่มาจากชื่อและลักษณะของขนม และการแปลความหมายที่ออกเป็นความหมายที่ดี เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งยังเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อและประเพณีด้วย เรียกว่า “ ตั้งแต่เกิดจนตายทุกวาระจะมีอาหารเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ ”
ขนมเปี๊ยะ คนจีนเรียกว่า “ ผั่วเปี้ย ” แต่คนไทยเรียกว่า “ ขนมเปี๊ยะ ” เป็นขนมที่มักใช้ประกอบในเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ของชาวจีน ใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ การทำขนมเปี๊ยะนั้นถูกเผยแพร่โดยชาวจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองไทยเมื่อนานมาแล้ว แต่เดิมนั้นไส้จะมีส่วนประกอบ เป็น ถั่วและฝัก แต่เมื่อวัฒนธรรมไทยจีนเริ่มผสมผสานกลมกลืนกันจนเริ่มมีกลิ่นและมีรสชาติแบบไทยๆ ไส้จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ทุเรียน ไข่แดง เป็นต้น
อยากรู้สูตรเด็ดเคล็ดลับรสรินทร์ตอนใหม่ๆ อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจรสรินทร์ นะคะ
รับรองว่า คุณจะทำอาหารได้อร่อยจนคนทั้งบ้านชมไม่ขาดปากเลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามเพจ รสรินทร์ Rosalyn นะคะ
Facebook: RosalynTH
ดูสูตรเด็ดอื่นๆ หน้าหลักรสรินทร์[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”1894″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://store.line.me/stickershop/product/5353487/en”][/vc_column][/vc_row]
Views: 12,102